ขายของออนไลน์ ต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง? พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องรู้
ธุรกิจออนไลน์ เป็นรูปแบบการทำธุรกิจอย่างหนึ่งที่เติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหลายคนก็รู้กันดีอยู่แล้ว และเราก็เชื่อว่าหลายคนเริ่มหันมาทำธุรกิจออนไลน์กันมากขึ้น โดยเฉพาะการขายของออนไลน์ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม การมีรายได้ มีธุรกิจ การจดทะเบียนและการยื่นภาษีก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเราจะมาอธิบายว่า ขายของออนไลน์ ต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง? สิ่งที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องรู้
ขายของออนไลน์ ต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง?
พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าการทำธุรกิจค้าขายออนไลน์นั้นก็ต้องมีการจดทะเบียนเช่นกัน ซึ่งการจดทะเบียน ก็เพื่อความถูกต้องทางกฎหมาย สร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านขายของออนไลน์ของเรา และสามารถตรวจสอบได้และเพื่อความโปร่งใสของธุรกิจ แล้วขายของออนไลน์ ต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง? ดังนี้
1. จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
คือการจดทะเบียนพาณิชย์สำหรับผู้ที่ประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นขายผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ E-Marketplace หรือผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพื่อยืนยันว่าธุรกิจกิจการของเรานั้นดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย มีตัวตน โดยสามารถขอจดทะเบียนได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) และต้องขอจดทะเบียนภายใน 30 วันหลังจากวันที่เริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ หากไม่จด อาจเสียค่าปรับได้
2. จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT
หากว่าร้านขายของออนไลน์สร้างรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องทำการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือจดทะเบียน VAT เพื่อความถูกต้องตามกฎหมาย และต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มทุกเดือน หากไม่ส่งข้อมูล อาจถูกตรวจสอบจากกรมสรรพากรได้
ขายของออนไลน์ ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง?
เรื่องจดทะเบียนกับการเสียภาษี เป็นคนละเรื่องกันที่ต้องมาอธิบายแยก แต่เราจะมาอธิบายให้สามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ เอง ว่าการขายของออนไลน์ ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กับภาษีเงินได้นิติบุคคล ถ้าหากเราไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล (บริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด) ก็หมายความว่าเราเป็นบุคคลทั่วไป ต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ถ้าหากจดทะเบียนนิติบุคคล จะต้องจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีอะไรบ้างที่ต้องจ่าย? ดังนี้
1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (กรณีไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคล)
คือภาษีเงินได้ที่จัดเก็บจากบุคคลทั่วไปที่มีรายได้สุทธิในแต่ละปี สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ก็คือรายได้จากการขายสินค้าและมาคำนวณ และต้องยื่น ภ.ง.ด. 94 ซึ่งก็คือภาษีครึ่งปี ยื่นภายในเดือนกันยายนของทุกปี และแบบ ภ.ง.ด. 90 คือการยื่นภาษีทั้งปี ต้องยื่นภายในเดือนมีนาคมปีถัดไป
2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (กรณีจดทะเบียนนิติบุคคลเป็นบริษัทหรือห้างหุ้วนส่วนจำกัด)
คือภาษีที่จัดเก็บจากผลกำไรของนิติบุคคล (จดทะเบียนบริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด) โดยคำนวณจากกำไรสุทธิของกิจการในรอบบัญชี 1 ปี โดยต้องยื่นแบบภาษี ภ.ง.ด. 51 เป็นภาษีครึ่งปี และแบบภาษี ภ.ง.ด. 50 เป็นภาษีที่ต้องจ่ายประจำปี
3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือการจดทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายสินค้าหรือบริการ ในบริบทนี้ก็คือการของสินค้าหรือบริการในรูปแบบออนไลน์ และจะจดเฉพาะผู้ที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านต่อปีจากการขายสินค้าหรือบริการออนไลน์ภายในประเทศ และต้องยื่นจดทะเบียนภาษีภายใน 30 วันนับตั้งแต่ช่วงที่รายรับเกิน 1.8 ล้านบาท
ขายของออนไลน์ ต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง? ทะเบียนที่ต้องจดเลยก็คือทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และถ้าหากมีรายได้เกิน 1.8 ล้านต่อปีก็ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเราเข้าใจว่าเรื่องการจดทะเบียนและเรื่องภาษีเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ซึ่งตัวเลือกหนึ่งที่ดีมาก ๆ นั่นก็คือการใช้บริการบริษัทรับทำบัญชี ทำภาษี จดทะเบียน ซึ่งเราจะทำหน้าที่ให้ความรู้ ดำเนินการจดทะเบียน ทำระบบภาษี รวมถึงการเจรจากับกรมสรรพากร กรมธุรกิจการค้าแทนลูกค้า และบริการของเรา สไมล์ แอค 888 เราบริการด้วยใจ ทำความเข้าใจธุรกิจของลูกค้า และบริการด้วยรอยยิ้มเสมอ
อ่านบทความเพิ่มเติม :
หจก กับ บริษัท ต่างกันอย่างไร และข้อดีข้อเสียระหว่างหจก. กับบริษัท
จะเปิดบริษัทต้องทำอย่างไร จดทะเบียนบริษัทใช้เอกสารอะไรบ้าง ต้องรู้
เปิดบริษัท ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง? สิ่งที่คนอยากเปิดบริษัทต้องรู้
 
			
			
